วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

HELLOOOOOOOOOOOOOOOOO

ลงทะเบียนกันได้รึยัง อีกไม่นานก็เปิดเทอมแล้ว อ้อ!!!!!!อย่าลืมเรื่องรับน้องนะ ไม่รู้ว่าปีนี้จะเอายังไงกันแน่ ลาลาลา
อีกอย่าง
บอกลานำตาแห่งความผิดหวัง
แล้วเอามันมาเป็นพลังเพื่อวันต่อไป

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2551

~.~แค่อยากให้รู้

ระยะทางห่างไกลไม่สำคัญ
ขึ้นอยู่กับความผูกพันมากกว่า
ถึงแม้อยู่ใกล้แค่สายตา
ความผูกพันก็ไร้ค่า--ถ้าไร้ใจ
ระยะทางไม่อาจกั้นความห่วงหา
กาลเวลาไม่อาจกั้นความหวั่นไหว
อดีตกาลมิอาจกั้นรักในใจ
คตวามอบอุ่นที่มอบให้ถึงปลายทาง

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

~o~เล่าข่าว บอกกัน



กิจกรรมนี้เริ่มจากการเล่าข่าวของตนให้เด็กฟังก่อน หลังจากนั้นให้เด็กเล่าบ้าง ข่าวที่ได้มา คือน้องมะห์ดีเจอกิ้งก่ายักษ์ตอนไปตลาดกับโต๊ะ(คุณยาย) และอีกข่าวคือ น้องติ๊นา และน้องนุช เจอตะขาบที่โรงเรียน โดยขณะที่เด็กๆเล่าข่าวให้เพื่อนฟังนั้นก็ได้รับการซักถามจากเพื่อนๆว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็จดบันทึกข่าวที่เด็กเล่าลงแผ่นบันทึกข่าวและเนื่องจากกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ใหม่สำหรับเด็ก จึงต้องมีการนำกิจกรรมอื่นมาร่วมด้วย นั่นคือกิจกรรมศิลปะ (การเป่าสี)เพราะเด็กทำกิจกรรมศิลปะทุกวันพฤหัสอยู่แล้ว
สถานที่ทำกิจกรรม บ้านพวงมณี
วันที่ทำกิจกรรม วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551

เด็กที่ร่วมเล่าข่าว ด.ช. มานะภัทร์ ภู่มีสุข (น้องมะห์ดี)
ด.ญ. แพรพลอย ศรีสะอาด (น้องติ๊นา)
ด.ญ. นุรอัยนี ภู่มีสุข (น้องนุช

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

~.~มีมาฝาก

อย่าท้อนะวันนี้ ความสำเร็จยังคงมีให้ไขว่คว้า แต่ถ้าเธอมั่นใจต้องได้มา
ไม่มีคำว่าช้าถ้าพยายาม ฝันเถอะ..ฝันให้ไกล ใครจะพูดอย่างไรก็ช่างเขา
ให้เรายึดมั่นกับฝันเก่า-เก่า แล้วค่อยก้าวตามให้ทัน อย่าท้ออย่าถอย
อย่างน้อยเธอยังมีฉัน ฝันที่ใครๆมองว่าไม่มีวัน เราจะช่วยกันสร้างมันให้เป็นจริง

~.~เอาไว้อ่านเล่น

แปลกไหม ต่างคนต่างก็มาจากที่ใดๆที่แตกต่าง
แต่วันหนึ่งมาอยู่ใกล้ในหนทาง มาอยู่เคียงข้างอย่างผูกพัน

แปลกไหม ที่คนแปลกหน้าในครั้งนั้น
เมื่อเวลาผันผ่านนานวัน กลับสร้างความเป็นเพื่อนกันอย่างมั่นคง

~o~ฝึกทักษะการใช้ภาษาโดยใช้หุ่นมือ




Anonymous บันทึก: ปัจจุบันโรงเรียนบ้านวังม่วง จัดการศึกษา 2 ระดับ คือระดับปฐมวัย และระดับประถมศึกษา จากการศึกษา สภาพปัจจุบัน ปัญหา พบว่า นักเรียนชั้นปฐมวัยและนักเรียนชั้นประถมศึกษา มีปัญหาการใช้ภาษาในการสื่อสาร และการนำเสนองาน ครูจึงแก้ปัญหาโดยการให้นักเรียนฝึกทักษะทางภาษา โดยการใช้หุ่นมือเป็นตัวเสริม และการฝึกทักษะ


ชื่อผลงาน ฝึกทักษะการใช้ภาษาโดยการใช้หุ่นมือชื่อเจ้าของผลงาน นางสวาท บุตระมี โรงเรียนบ้านวังม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 2
เกริ่นนำ


ปัจจุบันโรงเรียนบ้านวังม่วง จัดการศึกษา 2 ระดับ คือระดับปฐมวัย และระดับประถมศึกษา จากการศึกษา สภาพปัจจุบัน ปัญหา พบว่า นักเรียนชั้นปฐมวัยและนักเรียนชั้นประถมศึกษา มีปัญหาการใช้ภาษาในการสื่อสาร และการนำเสนองาน ครูจึงแก้ปัญหาโดยการให้นักเรียนฝึกทักษะทางภาษา โดยการใช้หุ่นมือเป็นตัวเสริม และการฝึกทักษะ การใช้คำง่ายๆ ไปหาคำยาก ตามลำดับ และฝึกบ่อยๆ จนนักเรียนเกิดความคุ้นเคย และมีความสามารถในการใช้ภาษาได้ดีและ เป็นคนกล้าแสดงออก สามารถที่จะนำเสนอผลงาน อย่างมีประสิทธิภาพได้


ผลสำเร็จ
1. นักเรียนชั้นอนุบาล 2โรงเรียนบ้านวังม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 2 มีพัฒนาการทางภาษาดีขึ้น กล้าแสดงออก และนำเสนอผลงานได้เป็นอย่างดี


ผลการได้รับการยอมรับ ( เกียรติบัตร / รางวัล / การยอมรับ )
ระดับกลุ่มคุณภาพ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการแข่งขันการเล่าเรื่องประกอบ
การแสดง ปีการศึกษา 2548 ( ได้รับเกียรติบัตร )


ระดับโรงเรียน ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนระดับชั้นปฐมวัย แสดงการเล่าเรื่องประกอบการแสดง ในกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ ปีการศึกษา 2548 ( ได้รับรางวัล / การยกย่องจากชุมชน )


กิจกรรม / วิธีการ / ขั้นตอนที่สำคัญ


1. ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ฝึกพูดบ่อยๆและฝึกพูดคำง่ายๆสั้นๆไปหายากนักเรียนจะได้เกิดการเรียนรู้ได้ดี 1.1 ฝึกพูดคำง่ายๆ - คำที่ครูกำหนดให้ - คำที่นักเรียนชอบพูด


1.2 ฝึกพูดประโยคอย่างง่าย - ประโยคที่ครูกำหนดให้ - ประโยคที่นักเรียนคุ้นเคย


1.3 ฝึกพูดโต้ตอบ ทักทายกันอย่างง่าย - ประโยคและคำที่ครูกำหนดให้ - ประโยคและคำ ที่นักเรียนคุ้นเคย


1.4 ฝึกพูดเล่าเรื่องอย่างง่าย - เล่าเรื่องที่ครูกำหนดให้ หรือเรื่องที่นักเรียนคุ้นเคย - เล่าเรื่องตามจินตนาการของนักเรียน


1.5 ฝึกเล่านิทานเป็นกลุ่ม - นิทานเรื่องที่นักเรียนชอบ - นิทานที่นักเรียนช่วยกันแต่งเรื่องขึ้นเอง ตามจินตนาการของนักเรียน


ข้อจำกัดในการนำไปใช้
การฝึกทักษะทางภาษาของนักเรียน จะใช้หุ่นได้หลาย อย่างเป็นตัวช่วยเพื่อให้นักเรียนเกิดความมั่นใจในการพูด และมีความสนุกสนุกสนานในการเรียนมากขึ้น


ที่มา นางสวาท บุตระมี

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

~o~ประเภทของ ของเล่น

เราสามารถแบ่งประเภทของของเล่นตามประโยชน์ของมันได้ดังต่อไปนี้ค่ะ
1.ของเล่นที่ส่งเสริมด้านภาษา
ได้แก่ ของเล่นที่เกี่ยวกับภาพ ตัวหนังสือ คำ เรื่องราว และการสนทนาซักถาม เช่น หนังสือภาพ หนังสือนิทาน เพลง เทปเพลง เทปนิทาน ฯลฯ
2.ของเล่นที่ส่งเสริมด้านคณิตศาสตร์
ได้แก่ ของเล่นที่ฝึกการนับจำนวน รู้จักนับเลข รู้จักการรวมและการแยกสิ่งของ ขนาด ระยะ จำนวน เช่น รูปเลขาคณิต ภาพเรียงลำดับขนาด โดมิโนจุด ฯลฯ
3.ของเล่นที่ให้รู้จักสิ่งต่างๆ และฝึกการสังเกตเปรียบเทียบ
ได้แก่ ของเล่นที่เกี่ยวกับการเปรียบเทียบสี รูปร่างลักษณะของสิ่งของต่างๆ เช่น ภาพตัดต่อ โดมิโนสี โดมิโนภาพ การพับกระดาษ ฯลฯ
4.ของเล่นที่ฝึกประสาทตาและมือให้ทำงานสัมพันธ์กัน
ได้แก่ ของ
เล่นที่ให้เด็กได้ ตอก ต่อ หยอด กด ร้อย ปัก เย็บ ผูก เกี่ยว รูด เช่น กระดานฆ้อนตอก ร้อยเชือกตามรู ร้อยลูกปัดเม็ดโตๆ สานใบมะพร้าว ใบตาลเป็นรูปต่างๆ ฯลฯ
5.ของเล่นที่ทำให้กล้ามเนื้อเล็กกล้ามเนื้อใหญ่แข็งแรง
ทำให้เด็กได้ออกกำลังนิ้ว มือ แขน ขา ลำตัว ด้วยการเล่น กำ บีบ เขย่า เคาะ ตี ดึง ลาก จูง ไถ ผลัก เลื่อน เช่น เล่นปั้นดิน ขุดทราย เล่นลูกบอล ชิงช้า ไม้ลื่น เขย่าเครื่องดนตรี ตีกลอง ฯลฯ
6.ของเล่นที่ให้เล่นเลียนแบบและสมมุติตามจินตนาการ
เพื่อพัฒนาการรับรู้ ความคิดฝัน และเลียนแบบจากของจริง เช่น เล่นตุ๊กตา เล่นขายของ เล่นเป็นพ่อแม่ ครู หมอ ตำรวจ ทหาร ชาวนาฯลฯ
7.ของเล่นที่ให้เล่นสร้างและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
เพื่อให้เด็กสร้างสิ่งต่างๆ ตามโครงสร้างที่กำหนดไห้ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น เล่นต่อไม้บล็อค สร้างบ้าน เล่นปั้น เล่นวาดภาพ ระบายสี ฯลฯ
8. ของเล่นที่ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างกลไกของของเล่น
ส่งเสริมความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์ เช่น เล่นกังหันหรือใบพัดหมุน เล่นรถไขลาน รถใช้แบตเตอรี่ ฯลฯ
9. ของเล่นที่ฝึกแก้ปัญหา
ช่วยให้เด็กแก้ปัญหาได้กล้าแสดงออก และคิดได้รวดเร็วคล่องแคล่ว เช่น เล่นทายปริศนาหรือปัญหาอะไรเอ่ย ของเล่นหาทางออก ฯลฯ
ได้รู้จักของเล่นแต่ละประเภทกันแล้ว แต่อย่าลืมว่าการเล่นจะมีประโยชน์ และปลอดภัยได้ ก็ควรจะมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำหรือดูแลอยู่ใกล้ๆ ก็จะดีนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้เด็กอุ่นใจแล้ว ยังช่วยให้เด็กได้ใช้ความสามารถ อย่างเต็มที่ด้วยค่ะ
ที่มาhttp://kidsquare.com/festival/toyfestival/develop2.php

~.~พอจะรู้จักมั้ย


เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ตัวนิดกระจ้อยร่อยไม่เติบใหญ่

เรื่องรู้ต้องพากเพียรเรียนต่อไป เมื่อเติบใหญ่จะได้ใช้ในการงาน

~o~ภาษาที่ 2 ของเด็ก


หลายครอบครัวพยายามสนับสนุนให้ลูกได้มีโอกาศเรียนรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่วัยเก เพราะอย่างที่รู้กันว่า ภาษาอังกฤษมีความจำเป็นในการติดต่อสื่อสาร และการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดีและมีสำเนียงที่ถูกต้องควรเรียนรู้ตั้งแต่วัยเด็ก

วัยเด็กที่สามารถเรียนรู้ภาษาได้ดีมีอายุตั้งแต่ 3 ขอบขึ้นไป เพราะช่วงนี้สมองกำลังพัฒนาได้ดีโดยเฉพาะเรื่องภาษา และที่ผ่านมามีเด็กที่สามารถใช้ภาษาได้ถึง 8 ภาษา แต่สุดท้ายก็สามารถใช้และมีความถนัดแค่เพียง 2 ภาษา

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็ก ไม่จำเป็นต้องให้ครูต่างชาติมาสอน เพราะอาจเป็นการกดดันเด็ก ทั้งนี้ควรดูความพร้อมของเด็กเป็นหลัก ขณะเดียวกันผู้ปกครองก็สามารถสอนพื้นฐานง่ายๆได้ แต่ควรให้ถูกไวยกรณ์ ส่วนเรื่องสำเนียง ก็ค่อยไปปรับกันตอนโตก็ได้ อีกอย่างที่ขอแนะนำ ควรฝึกให้เด็กมีความกล้าแสดงทางด้านภาษาตั้งแต่เด็ก การชมหรือการให้รางวัลเป็นการจูงใจให้เด็กเกิดความสนใจทางภาษาส่วนเรื่องความผิดพลาดก็ค่อยแก้กันต่อไป

เทคนิคการสอนภาษา

ขั้นแรก ให้สังเกตคำต่างๆที่ปรากฏรอบๆว ไม่ว่าจะเป็นสื่อแบบใดก็ตาม โดยผู้ปกครองเป็นผู้ชี้และอ่านให้ฟังจากนั้นให้เด็กออกเสียง หรืออาจแต่งเป็นเพลงเพื่อการจำที่ง่ายขึ้น

ต่อมาก็ให้เรียนรู้คำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สามารถนึกเป็นภาพได้

ต่อไป ลองอ่านนิทานภาษาอังกฤษที่มีแปลไทยให้ฟัง เพราะธรรมชาติเด็กจะชอบฟังนิทาน เมื่อเด็กเกิดความสนุกที่จะฟัง ก็อยากฟังซำอีก เมื่อเล่าจบก็ควรทบทวนคำศัพท์จากนิทานด้วย

สุดท้าย ก็ใช้บทสนทนาง่ายๆ เช่น Good morning หรือ How are youเพื่อเป็นการปูพื้นฐานประโยคที่ยาวขึ้น

คัดย่อมาจาก หนังสือ Mother&Care